ช่วงต้นปีกระผมมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด คือ คุณอารักษ์ พรประภา ถึงนโยบายของฮอนด้าต่อวงการมอเตอร์สปอร์ตในปีนี้ ซึ่งในนโยบายโดยรวมมีเป้าหมายหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ทาง เอ.พี.ฮอนด้าอยากเห็นทีมแข่งไทยก้าวไกลสู่การแข่งขันระดับโลก หมายถึงว่าไม่ใช่เพียงนักแข่งเช่นฟีม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ เท่านั้น แต่รวมถึงทีมช่าง ผู้จัดการทีม ต้องเป็นคนไทยทั้งหมดด้วย
จนถึงช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2553 กระผมก็ได้รับการติดต่อจาก แผนกสื่อสารการตลาด บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ให้ร่วมเดินทางไปทำข่าวทีมแข่งรถมอเตอร์ไซค์ทางเรียบ เอ.พี.ฮอนด้า ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในรายการ 2010 MALAYSIAN SUPER SERIES สนามแรก ระหว่าง วันที่ 28-30 พฤษภาคม 2553 ณ สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่เขาจัดแข่ง โมโต จีพี หรือมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลกนั่นแหละครับ โดยรายการแข่งขันนี้ ถือเป็นการแข่งขันระดับชิงแชมป์ประเทศมาเลเซีย มีการจัดโปรแกรมแข่งขันไว้ 5 สนาม ทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ และหนึ่งในรุ่นแข่งขันของมอเตอร์ไซค์ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของรายการก็คือ รุ่น Supersport 600 cc. เพราะนักแข่งที่มีคะแนนสะสมอันดับหนึ่งหรือแชมป์ของรายการ จะได้รับ Wide Card หรือสิทธิพิเศษของเจ้าภาพจัดแข่งขันโมโต จีพี เข้าร่วมการแข่งขันในศึก 2010 MALAYSIAN GRAND PRIX หรือ ศึกโมโต จีพี 2010 รุ่นโมโต-2 ระหว่าง วันที่ 8-10 ตุลาคม 2553 ที่สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต นั่นเอง
สำหรับการเข้าร่วมแข่งขันในรายการ 2010 MALAYSIA N SUPER SERIES ของ ทีม เอ.พี.ฮอนด้า คงไม่ได้หวังถึงขนาดจะมีสิทธิ์ได้รับ Wide Card เข้าร่วมการแข่งขันโมโต จีพี เพราะรายการนี้ทางมาเลเซียเขามีวงเล็บไว้ว่าต้องเป็นนักแข่งมาเลเซีย แต่เนื่องจากการแข่งขันของรายการนี้เขาแข่งขันเต็มทางวิ่งเหมือนรายการโมโต จีพี คือมีระยะทางต่อรอบยาวถึง 5.543 กิโลเมตร ขณะที่รายการแข่งขันอื่นๆ ของมาเลเซียที่จัดแข่งในสนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ใช้ระยะทางเพียงครึ่งเดียวหรือประมาณ 2 กิโลเมตรกว่าๆ เท่านั้น
ดังนั้น เป้าหมายโดยตรงของทีมแข่ง เอ.พี.ฮอนด้า จึงอยู่ที่การเตรียมตัวและสร้างเสริมประสบการณ์ให้กับนักแข่งและทีมแข่งของคนไทยในสนามแข่งระดับโลก
โดยทีมแข่ง เอ.พี.ฮอนด้า ที่เดินทางไปหาประสบการณ์ในสนามแข่งระดับโลกครั้งนี้ มี คุณวีระวิทย์ กิตติมหาชัย เป็นหัวหน้าคณะ และมอบหมายให้ คุณสุทธิสาร แววสมณะ รับหน้าที่ผู้จัดการทีม พร้อมทีมช่างอีก 4 คน ประกอบด้วย คุณวีระสิทธิ์ เทียนสาธิตกุล, คุณธนเศรษฐ์ ธนพรโชคอนันต์, คุณสิทธิชัย คณิวัฒน์ และ คุณวรพงษ์ โพธิ์ชนะกุล ส่วนนักแข่งมี 3 คน คือ สุหทัย แช่มทรัพย์-เจ้าบอล, รัฐพงษ์ วิไลโรจน์-เจ้าโฟทและ อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์-เจ้าสแตมป์ รถแข่งของนักแข่งทีม เอ.พี.ฮอนด้า ทั้ง 3 คัน เป็น Honda CBR 600 cc. รุ่นปี 2008 และการเดินทางไปแข่งขันครั้งนี้ คุณอารักษ์ พรประภา กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ออนด้า จำกัด ได้เดินทางไปให้กำลังใจทีมแข่ง เอ.พี.ฮอนด้า ถึงขอบสนามด้วย
นอกจากนี้ ทีมแข่ง เอ.พี.ฮอนด้า ยังได้รับการสนับสนุนจาก โซ่ D.I.D หัวเทียน NGK และ หมวกกันน็อก SHOEI และได้รับการอำนวยความสะดวกในการขนส่งรถแข่ง เครื่องมือ อุปกรณ์เกี่ยวกับการแข่งขันจาก BOO N SIEW HONDA ประเทศมาเลเซีย รวมทั้งความช่วยเหลือจาก หอการค้าไทย ในการทำเรื่องส่งรถแข่งไปยังประเทศมาเลเซีย จากการร่วมเดินทางและติดตามทำข่าวของทีมแข่ง เอ.พี.ฮอนด้า ในครั้งนี้ ทำให้ได้รับทราบถึงความยากลำบาก และการทุ่มเททั้งด้านกำลังทรัพย์และกำลังคน ของ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ซึ่งนี่เป็นเพียงก้าวเริ่มต้นเท่านั้น หากจะก้าวไปให้ไกลถึงฝั่งฝันในการแข่งขันระดับโลกของทีมแข่งไทย ก็ไม่ทราบว่าจะต้องทุ่มทุนมหาศาลแค่ไหน ซึ่งก็ต้องมากกว่าที่ฮอนด้าส่ง เจ้าฟีมรัฐภาคย์ วิไลโรจน์ เข้าร่วมการแข่งขันโมโต จีพี หลายเท่าอย่างแน่นอน กีฬามอเตอร์สปอร์ต อาจจะเป็นกีฬาที่ต้องใช้ทุนมหาศาล แต่คุ้มค่าไหมกับการที่จะสนับสนุน ตรงนี้กระผมคงจะยืนยันเพียงคนเดียวไม่ได้หรอก แต่อยากให้คนไทยเราได้มองภาพไปที่สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ว่าทำไม? รัฐบาลมาเลเซียถึงยอมทุ่มทุนสร้างสนามแห่งนี้ขึ้นมา
เพิ่มเติม http://www.rty9.com
จนถึงช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2553 กระผมก็ได้รับการติดต่อจาก แผนกสื่อสารการตลาด บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ให้ร่วมเดินทางไปทำข่าวทีมแข่งรถมอเตอร์ไซค์ทางเรียบ เอ.พี.ฮอนด้า ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในรายการ 2010 MALAYSIAN SUPER SERIES สนามแรก ระหว่าง วันที่ 28-30 พฤษภาคม 2553 ณ สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่เขาจัดแข่ง โมโต จีพี หรือมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลกนั่นแหละครับ โดยรายการแข่งขันนี้ ถือเป็นการแข่งขันระดับชิงแชมป์ประเทศมาเลเซีย มีการจัดโปรแกรมแข่งขันไว้ 5 สนาม ทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ และหนึ่งในรุ่นแข่งขันของมอเตอร์ไซค์ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของรายการก็คือ รุ่น Supersport 600 cc. เพราะนักแข่งที่มีคะแนนสะสมอันดับหนึ่งหรือแชมป์ของรายการ จะได้รับ Wide Card หรือสิทธิพิเศษของเจ้าภาพจัดแข่งขันโมโต จีพี เข้าร่วมการแข่งขันในศึก 2010 MALAYSIAN GRAND PRIX หรือ ศึกโมโต จีพี 2010 รุ่นโมโต-2 ระหว่าง วันที่ 8-10 ตุลาคม 2553 ที่สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต นั่นเอง
สำหรับการเข้าร่วมแข่งขันในรายการ 2010 MALAYSIA N SUPER SERIES ของ ทีม เอ.พี.ฮอนด้า คงไม่ได้หวังถึงขนาดจะมีสิทธิ์ได้รับ Wide Card เข้าร่วมการแข่งขันโมโต จีพี เพราะรายการนี้ทางมาเลเซียเขามีวงเล็บไว้ว่าต้องเป็นนักแข่งมาเลเซีย แต่เนื่องจากการแข่งขันของรายการนี้เขาแข่งขันเต็มทางวิ่งเหมือนรายการโมโต จีพี คือมีระยะทางต่อรอบยาวถึง 5.543 กิโลเมตร ขณะที่รายการแข่งขันอื่นๆ ของมาเลเซียที่จัดแข่งในสนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ใช้ระยะทางเพียงครึ่งเดียวหรือประมาณ 2 กิโลเมตรกว่าๆ เท่านั้น
ดังนั้น เป้าหมายโดยตรงของทีมแข่ง เอ.พี.ฮอนด้า จึงอยู่ที่การเตรียมตัวและสร้างเสริมประสบการณ์ให้กับนักแข่งและทีมแข่งของคนไทยในสนามแข่งระดับโลก
โดยทีมแข่ง เอ.พี.ฮอนด้า ที่เดินทางไปหาประสบการณ์ในสนามแข่งระดับโลกครั้งนี้ มี คุณวีระวิทย์ กิตติมหาชัย เป็นหัวหน้าคณะ และมอบหมายให้ คุณสุทธิสาร แววสมณะ รับหน้าที่ผู้จัดการทีม พร้อมทีมช่างอีก 4 คน ประกอบด้วย คุณวีระสิทธิ์ เทียนสาธิตกุล, คุณธนเศรษฐ์ ธนพรโชคอนันต์, คุณสิทธิชัย คณิวัฒน์ และ คุณวรพงษ์ โพธิ์ชนะกุล ส่วนนักแข่งมี 3 คน คือ สุหทัย แช่มทรัพย์-เจ้าบอล, รัฐพงษ์ วิไลโรจน์-เจ้าโฟทและ อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์-เจ้าสแตมป์ รถแข่งของนักแข่งทีม เอ.พี.ฮอนด้า ทั้ง 3 คัน เป็น Honda CBR 600 cc. รุ่นปี 2008 และการเดินทางไปแข่งขันครั้งนี้ คุณอารักษ์ พรประภา กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ออนด้า จำกัด ได้เดินทางไปให้กำลังใจทีมแข่ง เอ.พี.ฮอนด้า ถึงขอบสนามด้วย
นอกจากนี้ ทีมแข่ง เอ.พี.ฮอนด้า ยังได้รับการสนับสนุนจาก โซ่ D.I.D หัวเทียน NGK และ หมวกกันน็อก SHOEI และได้รับการอำนวยความสะดวกในการขนส่งรถแข่ง เครื่องมือ อุปกรณ์เกี่ยวกับการแข่งขันจาก BOO N SIEW HONDA ประเทศมาเลเซีย รวมทั้งความช่วยเหลือจาก หอการค้าไทย ในการทำเรื่องส่งรถแข่งไปยังประเทศมาเลเซีย จากการร่วมเดินทางและติดตามทำข่าวของทีมแข่ง เอ.พี.ฮอนด้า ในครั้งนี้ ทำให้ได้รับทราบถึงความยากลำบาก และการทุ่มเททั้งด้านกำลังทรัพย์และกำลังคน ของ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ซึ่งนี่เป็นเพียงก้าวเริ่มต้นเท่านั้น หากจะก้าวไปให้ไกลถึงฝั่งฝันในการแข่งขันระดับโลกของทีมแข่งไทย ก็ไม่ทราบว่าจะต้องทุ่มทุนมหาศาลแค่ไหน ซึ่งก็ต้องมากกว่าที่ฮอนด้าส่ง เจ้าฟีมรัฐภาคย์ วิไลโรจน์ เข้าร่วมการแข่งขันโมโต จีพี หลายเท่าอย่างแน่นอน กีฬามอเตอร์สปอร์ต อาจจะเป็นกีฬาที่ต้องใช้ทุนมหาศาล แต่คุ้มค่าไหมกับการที่จะสนับสนุน ตรงนี้กระผมคงจะยืนยันเพียงคนเดียวไม่ได้หรอก แต่อยากให้คนไทยเราได้มองภาพไปที่สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ว่าทำไม? รัฐบาลมาเลเซียถึงยอมทุ่มทุนสร้างสนามแห่งนี้ขึ้นมา
เพิ่มเติม http://www.rty9.com