Monday, July 19, 2010

บ.แม่ญี่ปุ่นโดดเทคฯ เอสพีซูซูกิจาก"พรประภา" ขอทำตลาดเอง เพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์

กลุ่มพรประภาถอดใจเลิกขายมอเตอร์ไซค์ซูซูกิ หลังญี่ปุ่นเข้ามาลุยเมืองไทยเอง แจ้งตลาดขอเพิกถอนหุ้นเอส.พี.ซูซูกิ พร้อมตั้งโต๊ะรับซื้อที่หุ้นละ 16.20 บาท ดันราคาหุ้นกระฉูดพรวดเดียว 5 บาท หรือเพิ่มขึ้น 50% หลังปลดเอสพี มาปิดที่ 15.80 บาท

นายสถิตย์พงษ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส.พี.ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ให้ขอเพิกถอนหุ้นของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เนื่องจากทางบริษัท ซูซูกิมอเตอร์ คอร์ปอเรชั่นของญี่ปุ่น มีนโยบายจะทำธุรกิจจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิในประเทศไทยด้วยตนเอง และได้ทำคำเสนอซื้อหุ้นบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ที่บริษัทถืออยู่ทั้งหมด ซึ่งบริษัทได้พิจารณาภาพรวมแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจรถจักรยานยนต์ประกอบกับอัตราการแข่งขันของธุรกิจดังกล่าวภายในประเทศ รวมถึงปัจจัยต่างๆ ทั้งภาคเศรษฐกิจและการเมืองแล้วเห็นว่า หากบริษัทประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ต่อไป อาจทำให้บริษัทประสบภาวะขาดทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทได้

ทั้งนี้ บริษัท ซูซูกิมอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ยังเสนอให้บริษัทยกเลิกสัญญา Distributorship Agreement ที่บริษัทได้ทำไว้กับบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ซึ่งหากมีการยกเลิกสัญญาดังกล่าวบริษัทก็จะต้องยกเลิกสัญญา Dealership Agreements ที่บริษัทได้ทำกับตัวแทนจำหน่ายรายต่างๆ ไปในคราวเดียวกัน ขณะที่บริษัทก็เจรจาขายสินค้าคงเหลือคืนให้กับไทยซูซูกิฯ นอกจากนี้ บริษัทต้องขายหุ้น บริษัท สินพล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิ เนื่องจากบริษัทไม่ได้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ต่อไป

"การทำรายการทั้งหมด เข้าข่ายเป็นการจำหน่ายทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจตามปกติของบริษัทไปเกือบทั้งหมด เป็นผลให้บริษัทมีทรัพย์สินทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดในรูปของเงินสดหรือหลักทรัพย์ระยะสั้น และบริษัทมีความประสงค์ที่จะหยุดประกอบธุรกิจการจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และบริษัทไม่มีแผนการลงทุนและการดำเนินงานในอนาคต จึงขอเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากตลาดหลักทรัพย์ คาดว่ากระบวนการซื้อขายหุ้นจะแล้วเสร็จในสิ้นเดือนตุลาคมนี้"

นายสถิตย์พงษ์กล่าวว่า ในการขายหุ้นไทยซูซูกิที่บริษัทถืออยู่ 5,088 หุ้น มูลค่าพาร์หุ้นละ 10,000 บาท คิดเป็น 18.78% มีมูลค่ารวม 699.91 ล้านบาท รวมเงินปันผลที่บริษัทจะได้รับก่อนการขายหุ้นมูลค่า 804.71 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีมูลค่าการขายสินค้าคงเหลือคืนให้บริษัทไทยซูซูกิ 82 ล้านบาท การขายหุ้นบริษัทสินพล อีก 24 ล้านบาท
หุ้นเอสพีซูซูกิ จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 158 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท รวม 790 ล้านบาท

โดยช่วงเช้าวันที่ 16 กรกฎาคม บริษัทได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์เพื่อขอหยุดพักการซื้อขายเป็นการชั่วคราว หรือขึ้นเครื่องหมายเอสพี เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการลงทุน ซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อฐานะของบริษัท และหลังจากชี้แจงข้อมูลว่า บริษัท เอส.พี. อินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะเสนอซื้อหุ้นสามัญของบริษัทที่ราคาหุ้นละ 16.20 บาท และเอสพีซูซูกิได้ขอเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ ตลาดจึงได้ปลดเอสพีตั้งแต่ช่วงบ่าย ซึ่งราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นอย่างแรง โดยมาปิดที่ 15.80 บาท เพิ่มขึ้นถึง 5.30 บาท หรือเพิ่มขึ้น 50.48%

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ณ วันที่ 11 มีนาคม 2553 ประกอบด้วยบริษัท ซี.เอ.อาร์.เอส จำกัด 30.38% บริษัท เอส.พี.อินเตอร์เนชั่นแนล 30.38% นางสาวปฤณ พรประภา 5.39% นางสาวลดาวัลย์ อัศวะประภา 3.62% บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ 2.75% และนายรักสนิท พรประภา 2.66%

เพิ่มเติม http://www.matichon.co.th/

Blog Archive